โครงกระดูกมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์
โครงกระดูกมนุษย์นี้ขุดค้นได้จากการศึกษาวิจัยทางโบราณคดี ณ บ้านด่านทองหลาง ตำบลโตนด อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีลักษณะโดยทั่วไป คือ เพศหญิง โดยดูจากมุมของกระดูกเชิงกราน อายุประมาณ ๒๕ ปี โดยดูได้จากรอยประสานของกะโหลกศีรษะที่ยังไม่ปิด แสดงว่าอายุยังน้อย ร่องรอยของโรคไม่พบ ฟันมีรอยสึกมากเนื่องจากการบดเคี้ยว ไม่ปรากฏร่องรอยของฟันผุ ความสูงของโครงกระดูก ประมาณ ๑๖๖ เซนติเมตร
โครงกระดูกนี้ ทำให้เราสามารถศึกษาเรื่องราวการตรวจสอบประวัติศาสตร์ เปิดเผยอดีตด้วยหลักฐาน ข้อเท็จจริงมากกว่าตำราหรือพงศาวดาร เราเรียนรู้เรื่องราวจากหลุมฝังศพได้หลายประการ เช่น ประเพณีหรือพิธีกรรมในการฝังศพ สะท้อนให้เห็นถึงสังคมคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ลักษณะการฝังศพแต่ละศพอาจบ่งบอกถึงสถานะของผู้ตายเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ |
|
เครื่องปั้นดินเผาสมัยก่อนประวัติศาสตร์
ลักษณะเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของภาชะดินเผา ในแถบลุ่มแม่น้ำมูลตอนบน คือ มีสีแดงขัดมัน คอของภาชนะแคบมากและปากผายออก มีลักษณะคล้ายกระโถนปากแตร ลายเขียนสี เรียกว่า แบบบ้านปราสาท
นอกจากนั้นยังพบลักษณะภาชนะอีกแบบหนึ่งที่เรียกว่า พิมายดำ คือ มีสีดำ ผิวขัดมัน เนื้อหยาบบาง
|
|
ธรรมจักรศิลาจำลอง (Wheel of Dhamma)
ศิลปะลพบุรี
ธรรมจักรศิลา เป็นชนิดเดียวกันกับที่พระปฐมเจดีย์ เป็นศิลปะยุคทวารวดี มีลักษณะคล้ายล้อเกวียน ทำจากศิลาแลงขนาดใหญ่ มีหน้ากว้างทั้ง 2 ด้าน เส้นผ่าศูนย์กลาง 1.41 เมตร ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางดุมล้อ 31 เซนติเมตร ตอนล่างมีสลักคล้ายหน้าพนัสบดี ซึ่งมีลักษณะผสมสัตว์หลายชนิด คือ มีเขาเหมือนโค มีปากเป็นครุฑ มีปีกเหมือนหงษ์ สัตว์เหล่านี้ล้วนเป็นพาหนะของเทพให้ศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู ส่วนพนัสบดีเป็นพาหนะของพระพุทธเจ้าตามความเชื่อของพุทธฝ่ายมหายาน ชิ้นที่แสดงอยู่นี้เป็นชิ้นจำลอง ส่วนชิ้นจริงประดิษฐานอยู่ที่วัดธรรมจักรเสมาราม อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา
|
|
ศิวลึงค์ (Linga or shinvalinga)
ศิลปะลพบุรี
ศิวลึงค์ เป็นสัญลักษณ์แทนพลังแห่งการเกิดสรรพสิ่งขึ้นในโลกของพระศิวะเทพสูงสุดในศาสนาฮินดู ความศรัทธาในองค์พระศิวะ เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดรูปแบบสถาปัตยกรรมที่จำลองที่อยู่ของเทพเจ้ามาไว้บนโลกมนุษย์ ส่วนยอดของเทวลัยบนภูเขาเป็นที่ประดิษฐานของศิวลึงค์ เปรียบเสมือนองค์พระศิวเทพผู้ปประทับอยู่บนยอดเขาไกรลาสศูนย์ลางแห่งจักรวาลระเบียบคตที่ล้อมลดหลั่นลงมาเป็นสิ่งสมมติแทนภูเขาและแม่น้ำที่โอบล้อมจักรวาลอยู่โดยรอบ
แม้ศิวลึงค์จะเป็นสัญลักษณ์แทนพระศิวะ แต่โดยองค์ประกอบของศิวลึงค์นั้นได้แฝงความหมายของเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ในศาสนาฮินดูทั้งสามองค์ ซึ่งรวมเรียกว่า ตรีมูรติ รวมเข้าไว้เป็นหนึ่งเดียว กล่าวคือ ส่วนฐานรูปสี่เหลี่ยม หมายถึง พระพรหม ส่วนกลางเป็นรูปแปดเหลี่ยม หมายถึง พระวิษณุ และยอดทรงกระบอกปลายมน หมายถึงพระศิวะ
ความเชื่อในเรื่องพลังแห่งการก่อเกิดสรรพสิ่งของพระศิวะในอดีตได้แปรเปลี่ยนเป็นการนับถือสัญลักษณ์เพศชาย ด้วยทัศนคติทางความเชื่อที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน
|
|
|
|
ภาชนะทรง “ไหขนาดใหญ่”
ศิลปะสมัยลพบุรี
เป็นภาชนะที่มีลักษณะปากเล็ก คอสั้น ไหล่ภาชนะกว้างมน แล้วค่อย ๆ ไล่สอบลงมาที่ฐาน นิยมตกแต่งลวดลายเป็นลายขูดขีด เคลือบทับด้วยน้ำเคลือบสีน้ำตาล น้ำตาลดำ น้ำตาลเหลือง บางใบก็จะไม่มีน้ำเคลือบ ใช้ประโยชน์ในการบรรจุน้ำ หมักปลาร้า เก็บน้ำปลา เก็บของแห้ง ของเหลวอย่างเช่นน้ำหรือเหล้า หรือใส่ของมีค่าฝังดิน |
|
|
|
หน้าบันไม้แกะสลักจากอุโบสถวัดพายัพ ศิลปะสมัยอยุธยา
พุทธประวัติ ตอน เจดีย์จุฬามณี
เมื่อพระโพธิสัตว์เสด็จออกบรรพชาเสด็จข้ามแม่น้ำอโนมาแล้วจะอธิษฐานเพศบรรพชิต ทรงตัดมวยพระเกศาขว้างไปในอากาศ พระอินทร์นำผอบแก้วมารองรับเอาไปประดิษฐานในพระเจดีย์จุฬามณี |
|
พุทธประวัติ ตอน มารวิชัย
พระบรมโพธิสัตว์ (พระพุทธเจ้าก่อนบรรลุธรรม) ได้เสด็จไปประทับใต้ต้นมหาโพธิ์ และนั่งสมาธิกำหนดจิตเจริญสมาธิภาวนา เพื่อการบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาวางคว่ำลงที่พระชานุ นิ้วพระหัตถ์ชี้ลงที่พื้นธรณีในคราวที่พระองค์ทรงเอาชนะมารได้ |
|
พุทธประวัติ ตอน มหาภิเนษกรมณ์
การเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ของพระโพธิสัตว์สิทธัตถะ- เป็นรูปพระโพธิสัตว์เจ้าชายสิทธัตถะทรงม้ากัณฐกะ มีนายฉันนะเกาะหลังม้าตามเสด็จ ขาม้าทั้ง 4 ขา มีท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ประจำอยู่ นำพระองค์เหาะข้ามกำแพงพระนครออกไปด้วยปาฏิหาริย์ |
|
คันทวย หรือ ทวย จากพระอุโบสถเก่าวัดพายัพ
ศิลปะสมัยอยุธยา
คันทวย หรือ ทวย คือ ส่วนหนึ่งของสถาปัตยกรรมไทยทำหน้าที่ค้ำยันชายคา มักแกะสลักหรือหล่อเป็นลวดลายสวยงาม คันทวย มีทั้งที่เป็นไม้ และปูนปั้น ตามแต่ประเภทของอาคาร
คันทวย ทางภาคเหนือ จะเรียกทวยหูช้าง มีลักษณะเป็นแผ่นไม้รูปสามเหลี่ยมติดกับเสาหรือผนัง บนแผ่นไม้มีการสลักลายหรือลายฉลุโปร่ง เป็นรูปนาค ลายดอกไม้ หรือลายต่าง ๆ ตามแต่การออกแบบ
คันทวยทวยที่จัดแสดงอยู่นี้ มีลักษณะแกะสลักจากไม้เป็นรูปนาคกลับหัว ซึ่งได้จากการรื้อถอนพระอุโบสถหลังเก่าของวัดพายัพ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา |
|
|
|
พระพิฆเนศ แกะสลักจากหินทราย
ศิลปะลพบุรี ค้นพบจากอำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา |
แผนที่ไปรษณีย์ในพระราชอาณาจักรสยาม
ร.ศ. 115 พ.ศ. 2439 (รัชกาลที่ 5) |
|
|
ราชกิจจานุเบกษา (พ.ศ. 2455)
หนังสือราชกิจจานุเบกษาชุดนี้ ได้ัรับการบริจาค จากคุณเสริมศรี โชรัมย์ ทายาทของคุณยายยี่สุ่น ไกรฤกษ์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2537
ราชกิจจานุเบกษา เป็นหนังสือรวบรวมคำประกาศ กฎหมาย และคำสั่งทางราชการ ที่ได้ประกาศให้ประชาชนทราบอย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ราชกิจจานุกเบกษาฉบับนี้ยังมีรอยประทับตราไปรษณีย์จากกรุงเทพฯ ส่งมายังเมืองนครราชสีมา ในสมัยรัชกาลที่ 6 อีกด้วย |
|